แสงแรกแห่งชีวิต "ดอยผาตั้ง"

0 Comments


หากท้องฟ้ามืดมิด ไร้ซึ่งแสงสีเหลืองทองอร่ามจากฟากฟ้า จะมีใครบ้างที่รับรู้ถึงความสวยงามของแสงแดดสาดส่องจากดวงตะวันยามเช้า แม้ว่าแสงสว่างที่ใครหลายคนมองเห็นเป็นเพียงแค่สัญญาณวันใหม่ แต่แท้จริงแล้วกลับมีนัยยะแอบแฝงอยู่ เพราะแสงจะนำทางให้ทุกชีวิตก้าวเดินไปข้างหน้าเปรียบเสมือน "แสงแรกแห่งชีวิต"

ดอยผาตั้งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยผาหม่น แต่เดิมเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลจัดสรรให้ทหารจีนสังกัดกองพล 93 มาตั้งถิ่นฐาน เช่นเดียวกับที่ดอยแม่สลอง ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวด ทหารกองพล 93 วางกำลังเป็นกองร้อย กระจายกำลังไปตามสันดอยต่าง ๆ เนื่องจากบริเวณดอยผาตั้งมีช่องเขาที่ใช้ผ่านเข้าออกไปยังประเทศลาวเพียงช่องทางเดียว เรียกว่า ช่องประตูผาบ่อง ส่วนด้านอื่นของเทือกเขาดอยผาหม่น เป็นหน้าผาสูงชันไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ที่นี่จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในสมรภูมิดอยผาหม่นซึ่งทหารสังกัดกองพล 93 ได้เข้าเป็นอาสาสมัครร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารไทย เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย มาตรการควบคุมทหารจีนเหล่านี้ก็ผ่อนปรนลง และเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว






ดอยผาตั้งมีลักษณะเป็นหน้าผาตั้งชัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และที่มาของชื่อดอย จุดเด่นของที่นี่เห็นจะเป็นทะเลหมอกที่มีความงดงาม ช่วงฤดูหนาวมีดอกพญาเสือโคร่งบานสะพรั่ง ดอยผาตั้งจะงดงามมากที่สุดในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม ซึ่งตอนนั้นอุณหภูมิจะอยู่ที่เลขตัวเดียวเท่านั้น และยังเป็นหนึ่งในสถานที่ชมแสงแรกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย
หุบเขาแห่งนี้มีจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนเยี่ยมชมความงามของธรรมชาติอยู่ทั้งหมด 6 จุดด้วยกัน ได้แก่ ศาลาอนุสรณ์นายพลหลี่ พระพุทธรูป ป่าหินยูนนาน ช่องเขาขาด แต่ที่เด่นมากที่สุดคือ เนิน 102 และเนิน 103

เนิน 102 มีระยะทางในการเดินทางทั้งหมด 450 เมตร มีเส้นทางคดเคี้ยวไปตามเขา โดยจุดสังเกตของเนิน 102 มีทางขึ้นเป็นบันไดสูงชันให้นักท่องเที่ยวได้เดินขึ้นไปสัมผัสความงดงาม เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกในยามเช้าที่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีระยะทางไม่ไกลมากนัก เมื่อเทียบกับเนิน 103 กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งบนเนิน 102 คือ การตีระฆังของนักท่องเที่ยว เพื่อประกาศให้รู้ว่าสามารถพิชิตเนินเขานี้แล้ว





บรรยากาศบนเนิน 102


หากต้องการสัมผัสหรือลิ้มลองรสชาติการบุกป่าฝ่าดง รวมทั้งขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากยิ่งขึ้นก็ต้องเดินทางต่อไปที่เนิน 103 เพราะเป็นจุดที่งดงามที่สุดในดอยผาตั้ง ส่วนการเดินทางนั้นค่อนข้างลำบาก และอันตรายกว่าเนิน 102 อยู่มาก แต่หากใครก็ตามที่ได้ไปสัมผัสบรรยากาศบนเนินเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางถึง 1,653 เมตร จะไม่สามารถลืมเลือนภาพความประทับใจและประสบการณ์เกินคำบรรยายได้เลย

หากใครต้องการชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ขอแนะนำให้ตื่นตั้งแต่เช้ามืด พร้อมอุปกรณ์สำคัญอย่างไฟฉาย เพื่อใช้เป็นแสงนำทางและความปลอดภัยในการเดินทาง เพราะหนทางขึ้นเขาลูกนี้ค่อนข้างลำบาก อันตราย และมืดมาก หากใครไม่ชำนาญเส้นทาง ก็จะมีอาสาสมัครผู้มีความชำนาญพื้นที่นำทาง และดูแลท่านตลอดการเดินทางสู่เนิน 103

แม้อากาศจะเหน็บหนาวสักเพียงใด ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค ทุกคนต่างพาร่างกายของตนเอง ลุกจากที่นอน เดินทางไปยังเนิน 103 เพื่อชมแสงแรกในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ทีมงานเริ่มออกเดินทางจากที่พักเวลาประมาณ 05.00 น. เนื่องจากมีระยะทางขึ้นเขาถึง 2 กิโลเมตร จึงเลือกเดินทางด้วยรถกระบะจากที่พักไปยังจุดชมวิว เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางให้มากที่สุด

เมื่อถึงบริเวณหน้าทางขึ้นจุดชมวิว ทุกคนต่างเดินขึ้นไปสู่เนิน 103 ด้วยความยากลำบาก เนื่องจากต้องเดินทางด้วยเท้าท่ามกลางความมืด มีเพียงแสงไฟจากกระบอกไฟฉายเท่านั้นคอยทำหน้าที่ส่องแสงนำทาง อีกทั้งยังต้องเผชิญกับอันตรายจากเส้นทางที่ลาดชัน ประกอบกับดินที่เละและลื่นจากน้ำค้างที่หยดลงมาสะสมบนพื้นดินในช่วงเวลากลางคืน แต่ในที่สุดทุกคนก็สามารถขึ้นมายังเนิน 103 ได้สำเร็จ



ถึงเนิน 103 แล้ว


ความมืดมิดยังคงเป็นอุปสรรคในการชมทิวทัศน์อยู่เนือง ๆ แต่ทว่าความงดงามของธรรมชาติไม่จำเป็นต้องเห็นได้ด้วยตาเปล่าเพียงอย่างเดียว หากแต่สามารถสัมผัสได้ด้วยจิตใจ เพียงแค่หลับตา เท่านี้คุณก็สามารถสัมผัสถึงธรรมชาติได้เช่นกัน เสียงลมพัดแรง ต้นไม้ใบหญ้าปลิวไหวไปตามสายลม เสมือนเป็นการโหมโรงก่อนที่ตัวละครเอกจะโผล่พ้นขึ้นจากขอบฟ้า ท้องนภาอันแสนมืดมิดค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ด้วยอิทธิฤทธิ์แสงสีเหลืองทองอร่ามของดวงตะวันที่ค่อย ๆ ผลักดันตัวเองโผล่พ้นขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า กลุ่มก้อนเมฆขนาดใหญ่ค่อยลอยเข้าใกล้ดวงตะวัน เสมือนเป็นการต้อนรับการกลับมาอย่างอบอุ่น แสงตะวันสาดส่องลงมาบนพื้นดิน มอบความอบอุ่นแก่สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่ให้พ้นจากความเหน็บหนาว แสงแรกแห่งชีวิตจะนำทางสิ่งมีชีวิตทั้งหลายให้ต่อสู้และก้าวเดินต่อไปในวันใหม่อีกครั้ง



พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า


เบื้องล่างภายใต้ท้องนภาอันแสนงดงาม จะเห็นทะเลหมอกอันกว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทรลอยเหนือแม่น้ำโขงลัดเลาะไปตามภูเขาฝั่งลาว หากหันหลังกลับไปมองด้านทิศตะวันตกจะมองเห็นภูเขาเรียงสลับซับซ้อนกันเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามของฝั่งไทย มองดูแล้วเป็นภาพอันงดงามชนิดที่เรียกว่า ชั่วชีวิตนี้ไม่อาจจะลบภาพเหล่านี้ออกจากความทรงจำได้เลยทีเดียว



ทิศตะวันตกฝั่งไทย


อย่างไรก็ตาม แม้ดอยผาตั้งจะงดงามมากเพียงใด แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากไม่มีการประชาสัมพันธ์เหมือนภูชี้ฟ้า จึงทำให้ที่นี่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาสัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เรามีโอกาสได้พูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งพวกเขาเล่าว่า ตอนแรกเดินทางไปยังภูชี้ฟ้าซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่นี่มากนัก แต่ได้ยินคำเลื่องลือจากชาวบ้านในละแวกนั้นแนะนำให้ลองไปที่ดอยผาตั้ง เนื่องจากเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีความงดงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าภูชี้ฟ้าเลย จึงลองเดินทางมาสัมผัสด้วยตนเอง ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อย กลับกันคือหากไมได้มาจะเสียดายมากกว่า

เมื่อเสร็จสิ้นจากภารกิจชมการกลับมาอยู่บนฟากฟ้าอีกครั้งของดวงตะวัน สำหรับผู้ชื่นชอบการดื่มชาร้อน ๆ ร้านค้าด้านหน้าทางขึ้นจุดชมวิวดูจะเหมาะสม ที่นี่มีชาให้เลือกสรรมากมาย อีกทั้งยังมีผลไม้อบแห้ง อาทิ สตรอเบอรี่อบ มะเขือเทศราชินี เป็นต้น ให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติก่อนเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝาก และชาวบ้านในละแวกนั้นก็มีความเป็นกันเองอย่างมาก หากได้เข้ามาสัมผัสจะหลงรักที่นี่อย่างแน่นอนสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ได้สร้างความประทับใจที่ตราตรึงในความทรงจำของเราไว้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติอันแสนงดงาม น้ำใจของชาวบ้าน อากาศที่หาไม่ได้จากกรุงเทพมหานครอันเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย

เดินทางมาถึงดอยผาตั้งทำให้สัมผัสได้ว่า แสงแรกแห่งชีวิตเป็นแสงที่สาดส่องจากดวงตะวันในยามเช้าเป็นสัญญาณของวันใหม่ที่หลายคนต้องดิ้นรนต่อสู้ในแต่ละวัน แสงแรกแห่งชีวิตจะนำพาเรื่องราวทั้งเรื่องเก่าที่เจอซ้ำซากอยู่ทุกวัน หรือเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยเจอะเจอในวันวาน และพาทุกท่านไปพบพานกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับแสงแห่งรุ่งอรุณ



You may also like

Powered by Blogger.

recent posts

The Magazine

Facebook

Instagram

Find Us On Facebook

FEATURED VIDEO

About us

Sponsor

Random Posts

Recent Comments

Recent Posts

Flickr Images

Like us

About me